หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เทรนด์รุกตลาดความปลอดภัยบนคลาวด์


เทรนด์ไมโครจับมือเอสไอเอส รุกตลาดรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ หลังคนนิยมใช้คลาวด์มากขึ้นและเป็นเป้าโจมตีของอาชญากรไซเบอร์ ตั้งเป้ายอดขายโซลูชั่นคลาวด์ซิเคียวริตี้เพิ่มขึ้น 20%
นายวิลเลี่ยม ตัน ผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากรายงานของบริษัทวิจัยข้อมูลเทคนาวิโอ ประเทศสหรัฐอเมริกาคาดว่า ในปี 2557 ตลาดซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์หรือคลาวด์ซิเคียวริตี้ทั่วโลก จะมีมูลค่าประมาณ 963.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั้งนี้ ตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของการใช้ระบบคลาวด์ในการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญ รวมถึงการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของอาชญากรไซเบอร์ที่พุ่งเป้าโจมตีไปที่ระบบคลาวด์โดยเฉพาะ
ล่าสุดเทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) ร่วมกับบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รุกตลาดคลาวด์ซิเคียวริตี้ครึ่งปีหลัง โดยเปิดตัวโซลูชั่น “เทรนด์ไมโคร ดีพ ซิเคียวริตี้ 9” โซลูชั่นแรกที่มีคุณสมบัติเด่นด้านการปกป้องบนระบบเสมือนของวีเอ็มแวร์ โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งเอเจนท์ สามารถครอบคลุมครบทั้งระบบป้องกันการบุกรุก ระบบตรวจสอบความสมบูรณ์ของระบบ รวมถึงทำการปรับแต่งระบบเสมือนจริงได้โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสใด ๆ เพิ่มเติมระบบดังกล่าวสามารถนำไปปรับใช้ร่วมกับระบบคลาวด์แบบเปิด และไฮบริดจ์ได้ เสริมความคล่องตัวและประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยให้กลุ่มลูกค้าองค์กรสามารถปรับขยายศูนย์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้จากความร่วมมือของทั้งสองบริษัทคาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายในส่วนของคลาวด์ซิเคียวริตี้ให้เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 20%
อ้างอิงถึงhttp://www.dailynews.co.th/technology/229469

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เคส iPhone 5 ติดเลนส์เกรดโปรสุดเจ๋ง

       


       ความสามารถของการถ่ายภาพจาก iPhone 5 แม้จะมีข้อดีแต่มันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่พอสมควรและในตอนนี้มันอาจเป็นรองคู่แค่อย่าง Samsung Galaxy S4 Zoom, Nokia Lumia 1020 และอาจรวมทั้ง Sony Xperia Honami ที่เตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้ด้วย อย่างไรก็ตามทีมนักออกแบบของสิงคโปร์ก็เกิดปิ๊งไอเดียสร้างสรรค์เคส iPhone 5 แนวใหม่ที่มากับเลนส์พร้อมเซนเซอร์คุณภาพสำหรับการถ่ายภาพโดยเฉพาะในชื่อ "Ladibird"
ที่ผ่านมาเราเคยเห็นอุปกรณ์เสริมสำหรับ iPhone เพื่อการถ่ายภาพไปบ้างแต่บางครั้งมันอาจเป็นอุปสรรคเรื่องการพกพาไปบ้าง แต่ "Ladibird" คือเลนส์เสริมสำหรับ iPhone 5 ที่มาในรูปแบบของเคส ภายในเคส Ladibird มี Lightning connector เพื่อเชื่อมต่อกับ iPhone 5 ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานผ่านแอพแอพ Ladibird และแชร์ไปยังโซเชี่ยลมีเดียได้อย่างง่าย ถูกใจ นอกจากนี้ตัวเคสยังรองรับ iPhone รุ่นใหม่ด้วย ฉะนั้นผู้ใช้ iPhone รุ่นเก่าหมดสิทธิ์ใช้งานแน่นอน เคส Ladibird ถูกออกแบบตามคอนเซปต์ของกล้อง Mirrorless ตัวเลนส์มีขนาด 50mm รูรับแสง f/1.8 พร้อมเซนเซอร์ CMOS ช่วยให้การภาพแบบหน้าชัดพื้นหลังเบลอหรือโบเก้ผ่าน iPhone 5 เป็นเรื่องง่ายภายในพริบตา

Ladibird ถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณภาพของภาพถ่ายมีความคดชัดเช่นเดียวกับกล้อง DSLR โดยที่ตัวเคสมีน้ำหนักเบาและมีการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด



สำหรับการวางขายในสหรัฐอเมริกาทางทีมนักออกแบบจะเริ่มจัดส่งล็อตแรกภายในวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2014 ซึ่ง 100 ท่านแรกมีราคาอยู่ที่ 137 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 4,110 บาท และ 300 ท่านต่อมาจะมีราคาที่ 167 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 5,010 บาท จัดส่งภายใน 30 กันยายน 2014 และ 100 ท่านสุดท้ายราคา 197 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5,910 บาท จัดส่งภายใน 30 กันยายน 2014 เช่นกัน
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ ladibird


รู้จักกับ Keynote โปรแกรมที่ “สตีฟ จ็อบส์” สร้างขึ้นเพราะเขาเกลียด PowerPoint



     
  สตีฟ จ็อบส์จัดเป็นหนึ่งในนักขายที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะความสามารถในการนำเสนอสินค้าบนเวที ไม่แปลกที่เราจะเห็นหนังสือสำหรับนักขายหรือนักการตลาดที่อ้างอิงการนำเสนอของจ็อบส์มากมาย
แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วมีแอพที่สตีฟ จ็อบส์สร้างขึ้นมาตัวหนึ่ง หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ แอพที่สร้างขึ้นมาเพื่อสตีฟ จ็อบส์โดยเฉพาะ ซึ่งแอพตัวนั้นก็มีชื่อว่า “Keynote”

เพราะสตีฟ จ็อบส์เกลียด PowerPoint

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1996 เมื่อสตีฟ จ็อบส์กลับมาที่แอปเปิลอีกครั้งหลังจากถูกไล่ออกไปครั้งหนึ่ง จ็อบส์เป็นผู้กำหนดทิศทางและวางแผนล่วงหน้าว่าสินค้าแอปเปิลชิ้นต่อไปจะเป็นอย่างไร พร้อมทั้งนำเสนอสินค้าด้วยตัวของเขาเองบนเวที โดยในงานนำเสนอสินค้าของแอปเปิลแทบทุกครั้ง จะเห็นสำนวนที่คุ้นเคยอย่างมากคือ “one more things”
สมัยนั้นแอปเปิลยังไม่มีโปรแกรมสำหรับการนำเสนอสไลด์บนเวที จ็อบส์คาดหวังว่า PowerPoint จะทำได้ตามที่เขาต้องการ แต่มันกลับไม่สามารถให้ประสบการณ์การเคลื่อนไหวแบบ Kinesthetic และมันก็รันบนระบบปฏิบัติการที่เก่ากว่า
จ็อบส์เลยเลือกใช้โปรแกรมนำเสนอ Concurrence จาก Lighthouse Design รันบนคอมพิวเตอร์ NeXTSTEP ต่อเข้ากับโปรเจคเตอร์แบบ VGA จาก Sony ในงาน Macworld ปี 1998 เขาได้ควบคุมสไลด์ด้วยรีโมทความถี่คลื่นวิทยุ (RF) ที่มีปุ่ม 4 ปุ่ม ถึงแม้ว่าทาง Macworld จะแนะนำให้ Jobs ใช้ PowerPoint แทนก็ตาม

Keynote โปรแกรมที่สร้างขึ้นมาเพื่อสตีฟ จ็อบส์

เมื่อไม่มีโปรแกรมที่ถูกใจ งั้นก็สร้างเองเลยละกัน ต้นปี 2001 จ็อบส์ได้เริ่มให้ทีมงานสร้างโปรแกรม Keynote เวอร์ชันแอลฟาขึ้นมาเป็นโปรแกรมนำเสนองานที่สร้างเพื่อให้สตีฟ จ็อบส์ใช้คนเดียวเท่านั้น ในเวลาต่อมา Keynote ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ตามคำสั่งของสตีฟ จ็อบส์ ซึ่งเขาได้นำไปใช้นำเสนองานต่างๆ ตลอดจนถึงช่วงปี 2003
แต่เมื่อทางทีมงานนั้นก็ได้พัฒนา Keynote ให้จนเสร็จสมบูรณ์ จ็อบส์ก็เริ่มแน่ใจว่าเขาจะเปิดตัวซอฟต์แวร์นี้เพื่อแข่งขันกับ PowerPoint ได้ เขาชอบการเคลื่อนไหวที่น่าทึ่งของ Keynote เป็นการนำมาซึ่งสภาพแวดล้อมแบบ Kinesthetic ตามที่เขาต้องการ
*นิยาม: Kinesthetic คือการรับรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว ในการนำเสนอของจ็อบส์นั้นจะเน้นใช้ Kinesthetic เพื่อทำให้คนนั้นดูเหมือนกับว่าสินค้านั้นนทำงานได้


วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อินเทลพัฒนากล้อง 3 มิติที่เหนือกว่า Kinect, เตรียมใส่ในโน้ตบุ๊กปีหน้า

   อินเทลเผยข้อมูลว่ากำลังพัฒนากล้องสำหรับถ่ายภาพ 3 มิติเชิงลึก (depth sensing camera) ลักษณะเดียวกับ Kinect ของไมโครซอฟท์ แต่เน้นการถ่ายภาพในระยะใกล้ 1-1.5 เมตร และเน้นความสามารถของซอฟต์แวร์ในการแปลความหมายของภาพแทน
ฟีเจอร์ของกล้องตัวนี้สามารถแยกแยะระยะทาง ขนาด สี รูปร่าง ฯลฯ ของวัตถุที่อยู่หน้ากล้องได้ ตัวอย่างที่อินเทลยกมาคือเราชูมือถือให้กล้องถ่ายภาพ มันจะสามารถแยกแยะว่าเป็นมือถือรุ่นอะไร และสร้างเคสของมือถือที่ขนาดพอดีกันให้เราไปพิมพ์ต่อผ่านเครื่องพิมพ์ 3 มิติได้
นอกจากนี้กล้องยังมีฟีเจอร์ตรวจจับสายตา (eye tracking) เพื่อดูว่าเราอ่านข้อความบนจอไปถึงไหนแล้ว และสามารถช่วยแนะนำความหมายของคำที่อ่านแล้วติดหรือไม่เข้าใจได้
กล้องตัวนี้จะขายแยกเป็นอุปกรณ์ต่อเชื่อมภายนอกก่อน (โดยอินเทลร่วมมือกับ Logitech) วางขายในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า และช่วงปลายปี 2014 เราจะเริ่มเห็นกล้องตัวนี้ถูกใส่เข้ามาในโน้ตบุ๊ก
ที่มา – Blognone PC World

[Usenix 2013] นักวิจัยแกะโค้ดและโปรโตคอล Dropbox สำเร็จ


Dropbox นั้นพัฒนาด้วยภาษาไพธอนที่เป็นภาษาสตริปต์ แต่ตัวโค้ดถูกจัดเรียงให้ยุ่งเหยิงจนอ่านไม่ออกด้วยกระบวนการหลายอย่างทำให้ โปรโตคอลรวมๆ ของ Dropbox ยังไม่เปิดเผยออกมาจนทุกวันนี้
ไฟล์ exe ของ Dropbox นั้นภายในเป็นไฟล์ zip ที่รวมเอา Python27.dll รุ่นพิเศษที่ Dropbox สร้างไว้ใช้งานเองเข้าไว้ในตัว โดยตัวแกนไพธอนนี้ถูกแพตซ์เพื่อให้อ่านไฟล์ pyc รุ่นพิเศษที่เข้ารหัสเอาไว้
การเชื่อมต่อ Dropbox นั้นใช้ SSL โดยฝังใบรับรองไว้ใน DLL โดยตรง ทำให้การดักฟังแบบ man-in-the-middle ก็ยังทำได้ลำบาก ทีมงานอาศัยการเปลี่ยนออปเจกต์ด้วยการทำ Reflective DLL เพื่อแพตซ์ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจทั้งหมด แล้วดึงข้อมูลที่ส่งเข้าออก SSL ออกมาโดยตรง ทำให้ได้ข้อมูลการสื่อสารออกมาได้
ทีมวิจัยสามารถสร้างโปรแกรมขนาดเล็กเพื่อดูรายชื่อไฟล์ใน Dropbox รวมถึงการอัพโหลดและดาวน์โหลดไฟล์ออกมาได้สำเร็จ
ที่มา – Blognone Usenix: Looking inside the (Drop) box (PDF)SD Times

คิงส์ตัน เปิดตัว SSD รุ่นใหม่สำหรับองค์กร รองรับข้อมูลมหาศาล




               เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา บริษัท คิงส์ตัน เทคโนโลยี ประเทศไทย ผู้ผลิตและพัฒนาหน่วยความจำรายใหญ่ของโลก เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ SSD Now E50 โซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) สำหรับการใช้งานระดับองค์กรรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่ง SSD Now E50 มีส่วนช่วยในการทำงานขององค์กรที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพในการทำงาน และใส่ใจเรื่องความคุ้มค่าของราคา โดยไม่เน้นเรื่องความทนทานในการใช้งานหนักอย่างต่อเนื่องเหมือนกับ Kingston SSDNow E100
อ้างอิงถึงhttp://www.kingston.com/th/company/press/article/6883

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คนไทยใช้ ‘สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แอพ’ พุ่ง


    ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมัยใหม่ บวกกับความพร้อมในการเปิดรับของคนไทย โดยเฉพาะแอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ ที่ไม่หยุดนิ่ง ทำให้อันดับการใช้งานแอพพลิเคชั่นของคนไทยปีนี้อยู่ในลำดับที่ 23 จากทั้งหมด 43 ประเทศที่มีการใช้แอพพลิเคชั่น

อย่างไรก็ตาม ด้วยแอพพลิเคชั่นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่รองรับแอพพลิเคชั่นที่สมบูรณ์แบบ และใช้งานง่าย คงหนีไม่พ้นสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตที่ปัจจุบันราคาถูกลงตามกลไกตลาด จึงทำให้ปีนี้ยอดการใช้งานทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัว

นายบัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย เล่าว่า การใช้สมาร์ทโฟนในไทยปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17% เป็น 36% ส่วนการใช้งานแท็บเล็ตเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า จาก 2% เป็น 7% ในขณะที่การใช้งานแอพพลิเคชั่นเพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 57%

ทั้งนี้ จากข้อมูลวิจัยของอีริคสันปี 2556 พบว่า ผู้บริโภคมีอัตราการเข้าถึงสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแอพพลิเคชั่นเพิ่มขึ้น จึงทำให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศในลำดับที่ 23 จากทั้งหมด 43 ประเทศที่มีการใช้แอพพลิเคชั่น

สำหรับสมาร์ทโฟนในไทยที่ได้รับการตอบรับที่ดีในขณะนี้คือ แอนดรอยด์ โดยมีอัตราการใช้งาน 1 คนจะมีทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต โดยสาเหตุหลักที่ใช้สมาร์ทโฟนเพราะนำมาใช้อินเทอร์ เน็ตภายในบ้าน

นายบัญญัติ เล่าว่า การใช้งานสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากความต้องการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ด้วยเทรนด์การใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ก การแชตออนไลน์ และการใช้วิดีโอสตรีมมิ่ง เพราะสาเหตุการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา และติดตามข้อมูลอัพเดทใหม่ ๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญ
  
ส่วนการใช้งานแท็บเล็ตโดยส่วนมากคนไทยจะใช้เพื่อความบันเทิง ฟังเพลง ถ่ายรูป และเกม ในขณะที่ทั่วโลกใช้เพื่ออินเทอร์เน็ต เช็กอีเมล และเกม เพราะมีขนาดหน้าจอใหญ่ จึงทำให้ปัจจุบันสมาร์ทโฟนได้มีการพัฒนารูปแบบหน้าจอใหญ่ขึ้น เพื่อการใช้งานที่หลากหลายและครอบคลุม
       
’ปัจจุบันการส่งข้อความเอสเอ็มเอสของคนไทยลดลง เพราะมีแอพพลิเคชั่นให้แชตฟรีผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กในรูปแบบต่าง ๆ อีกทั้งการส่งเอสเอ็มเอสในไทยผู้ประกอบการยังคงคิดราคา ซึ่งแตกต่างจากประเทศที่พัฒนาแล้วที่ปัจจุบันให้ผู้ใช้บริการส่งเอสเอ็มเอสได้ฟรี“

ทั้งนี้ จากข้อมูลวิจัยพบว่า ผู้จดทะเบียนใช้งานสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะเพิ่มสูงขึ้นจากปลายปี 2555 ที่มียอดสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 1.2 พันล้านคน เป็น 6.5 พันล้านคน  ในปี 2561 โดยกว่า 50% ของโทรศัพท์มือถือที่ขายในไตรมาส 1/56 เป็นสมาร์ทโฟน อีกทั้ง ยังมองว่าอัตราการใช้งาน 50% ในปี 2561 จะเป็นการใช้งานวิดีโอ

จากการเกิดขึ้นของแอพพลิเคชั่นใหม่ ทำให้การใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตโตอย่างก้าวกระโดด แต่เชื่อว่าปัจจัยทั้งหมดจะต้องเอื้อกัน ซึ่งหากวันนี้ประเทศไทยไม่มีสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในราคาที่รับได้ ก็อาจจะไม่มีแอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ มารองรับการใช้งานที่ไม่หยุดนิ่งของสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์ก

เมื่อนักพัฒนาได้คิดค้นเทคโนโลยีดี ๆ เหมาะกับการใช้งานของแต่ละบุคคลแล้ว เราก็ควรใช้งานให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด และที่สำคัญจะต้องอยู่บนความถูกต้องด้วย.
อ้างอิงถึงhttp://www.dailynews.co.th/technology/228925

พาที:ส่งเอสเอ็มเอสฟรีด้วยเสียงพูด - ฉลาดสุดๆ


                  พัฒนาไปอีกขั้น สำหรับเทคโนโลยีที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนอยากใช้
    กับ “เทคโนโลยีการรู้จำเสียงพูด” หรือ Automatic Speech Recognition (ASR) ที่จะช่วยแปลงเสียงพูดให้เป็นข้อความได้อย่างอัตโนมัติ
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการรู้จำเสียงพูด ได้ถูกนำไปใช้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการในหลายสาขา เช่น ช่วยเพิ่มจำนวนครั้งที่ลูกค้าโทรฯติดต่อเข้ามายังบริษัท ลดค่าใช้จ่ายในศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ รวมถึงการนำไปใช้ในวงการแพทย์ซึ่งมีนักการแพทย์มากกว่า 400,000 คน ที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการจดรายงานการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยในโรงพยาบาล
และล่าสุด ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอ นิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลง กรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่น “พาที” หรือระบบรู้จำเสียงพูดภาษาไทย เพื่อให้คนไทยได้ทดสอบการใช้งานและร่วมกันสร้างฐานข้อมูลให้กับระบบ
ดร.ชัย วุฒิวิวัตร์ชัย จากห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีเสียง หน่วยวิจัยวิทยาการสารสนเทศ เนคเทค หัวหน้าโครงการฯ บอกว่า เนคเทคได้พัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวมากว่า 10 ปี เดิมเทคโนโลยีนี้มักจะจำกัดอยู่ในวงการศึกษาวิจัย
แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทไทยรวมถึงเนคเทค ได้พยายามประยุกต์ใช้เทคโนโลยีรู้จำเสียงพูดภาษาไทยมากขึ้น แต่ยังอยู่ในเนื้อหาที่จำกัด
เพื่อเร่งรัดการวิจัยและพัฒนาระบบให้ถึงจุดที่มีประสิทธิภาพเพียงพอและสามารถประยุกต์ไปใช้ในบริการได้หลากหลาย จำเป็นต้องเปิดบริการทดสอบในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับสภาวะแวดล้อมการใช้งานจริงมากที่สุด
โดยแอพพลิเคชั่นพาทีที่เปิดให้ทดสอบการใช้งานนี้ เบื้องต้นรองรับเฉพาะผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ ไอโอเอส เวอร์ชั่น 6 ขึ้นไป ทั้ง ไอโฟน และไอแพด เนื่องจากคุณภาพไมโครโฟนมีการปรับใช้งานที่ดี ส่วนระบบแอนดรอยด์นั้นยังไม่สามารถให้บริการได้ เนื่องจากมือถือแต่ละรุ่นไม่เหมือนกัน ทำให้แอพพลิเคชั่นทำงานลำบาก
การทดลองมีระยะเวลา 10 เดือนสิ้นสุดเดือน มิ.ย. 57
สำหรับบริการหลักของแอพพลิเคชั่นนี้ ก็คือการส่งเอสเอ็มเอสฟรีด้วยเสียงพูด เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นพาที จากแอพสโตร์ ฟรี
วิธีการใช้งานง่าย ๆ ด้วยการเข้าสู่ระบบผ่านเฟซบุ๊ก จะมีบริการฝากข้อความเสียง จากนั้นผู้ใช้งานกดปุ่มสีเขียวเพื่อบันทึกเสียง แล้วกดปุ่มหยุดเพื่อทำการบันทึกเสียง กดหมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องการส่ง
พนักงานที่ให้บริการอยู่เบื้องหลังจะถอดข้อความเสียงพูดที่เข้ามายังระบบ และส่งข้อความที่ถอดได้ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ปลายทาง พร้อมทั้งส่งอีเมลยืนยันบริการเสร็จสมบูรณ์กลับไปยังผู้ใช้
นอกจากบริการหลักที่ใช้ส่งเอสเอ็มเอส ฟรีแล้ว พาทียังมีบริการเสริมเพื่อทดสอบใช้งานระบบรู้จำเสียงพูดภาษาไทยที่พัฒนาขึ้นด้วย ภายใต้บริการ ASR ผู้ใช้สามารถพิมพ์ข้อความใด ๆ ด้วยการพูด ข้อความที่ได้สามารถนำไปแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือแชร์ต่อได้อีกด้วย
สำหรับความถูกต้องแม่นยำในการแปลงภาษาพูดเป็นข้อความนั้น ดร.ชัย บอกว่า ขณะนี้มีความถูกต้องประมาณ 50% คำศัพท์ส่วนใหญ่เป็นด้านการท่องเที่ยว และกีฬาต่าง ๆ
แต่เมื่อผ่านช่วงทดลองไปแล้วจะเพิ่มประสิทธิภาพความถูกต้อง แม่นยำได้กว่า 80% สามารถรองรับการพูดได้แบบไม่จำกัดเนื้อหา
แต่ทั้งนี้ต้องได้รับความร่วมมือประชาชนเข้ามาใช้งานจึงจะได้ฐานข้อมูลใหม่และมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบอกว่า พาทีจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในการสร้างระบบประยุกต์ที่ใช้เสียงพูดในการติดต่อสื่อสาร
สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาห กรรมโทรคมนาคม เพิ่มปริมาณการรับสายของคอลเซ็นเตอร์ ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย มีระบบติดตามการประเมินผลตลอดเวลา สามารถบรรยายใต้ภาพที่เหมาะสำหรับอุตสาหกรรม    ทีวีดิจิทัล ที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) หวังให้เข้าถึงทุกคนทั่วถึงและเท่าเทียมกัน รวมถึงการถอดความเสียงบันทึกการประชุม อาทิ ศาล และประชุมรัฐสภา
อ้างอิงถึงhttp://www.dailynews.co.th/technology/228663

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แม็คโดนัลด์ เชื่อมความสนุกด้วย NFC

        จากการที่ร้านแม็คโดนัลด์ในประเทศสิงค์โปร์มีพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัดจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ในร้านไม่มีมุมเด็กเล่นเหมือนอย่างประเทศไทยเรา ดังนั้น Daniel Lee ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิตอลของแม็คโดนัลด์จึงผุดโครงการที่ชื่อว่า "The Happy Table" โดยใช้เทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) ในรูปแบบของสติ๊กเกอร์พร้อมใช้ประโยชน์จากสมาร์ทโฟนที่รองรับ NFC เมื่อทั้งสองอุปกรณ์เชื่อมต่อกันก็จะเกิดเป็นเกมส์สนุกๆขึ้น ทั้งนี้โครงการ "The Happy Table" จะเปิดนำร่องที่ภัตตาคาร Yishun ในประเทศสิงค์โปร์ และมีแผนการที่จะขยายออกไปยังภูมิภาคอื่นๆในเร็วๆนี้ ส่วนโครงการ "The Happy Table" จะสนุกและมีวิธีการเล่นอย่างไรลองไปชมตามคลิปได้เลย แต่จะทำให้เด็กๆสนุกจนลืมทานอาหารเลยหรือเปล่า งานนี้ผู้ปกครองคงต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิดล่ะครับ






อ้างอิงจาก CNET


VMWare เปิดตัวโครงการ Zombie, ระบบควบคุมกลุ่มเมฆอัตโนมัติ

                                   
               ที่งาน PuppetConf 2013 บริษัท VMware เปิดตัวโครงการ Zombie ที่ช่วยให้การวางระบบประมวลผลแบบกลุ่มเมฆใช้เวลาจากเดิม 72 ชั่วโมงเหลือหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ด้วยการควบคุมจากซอฟต์แวร์
โครงการนี้ประกอบด้วยสองส่วน คือ ระบบกระจายข้อมูลที่ชื่อว่า Rez ข้อมูลที่ใส่ใน Rez จะควบคุมได้ผ่านการเรียกใช้งานแบบ REST จากนั้นเครื่องที่ทำงานร่วมกันจะระบบ “Engine” ดึงงานที่เขียนด้วยภาษาเฉพาะ Zombie Engine DSL (ZED) ออกมารัน กระบวนการควบคุมเครื่องทั้งหมดจึงเป็นการเขียนโค้ด ZED แล้วอัพโหลดเข้าเครื่องทั้งหมดให้เปลี่ยนแปลงตามที่ต้องการ
โครงการนี้ยังเป็นโครงการภายในของ VMware อยู่ และมีแผนที่จะให้กลายเป็นโครงการโอเพนซอร์สในอนาคต

อ้างอิงถึง http://www.itday.in.th/vmware-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-zombie-%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7/

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จบการระดมทุน Ubuntu Edge

จบการระดมทุน Ubuntu Edge ระดมทุนได้ 12.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, พร้อมคืนเงินที่ระดมทุนทั้งหมด

          
         Canonical สรุปยอดการระดมทุนในโครงการ Ubuntu Edge ใน Indiegogo ว่ายอดระดมทุนทั้งหมดอยู่ที่ 12.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากเป้าหมายที่อยู่ที่ 32 ล้านดอลลาร์) กับผู้ร่วมระดมทุนกว่า 2 หมื่นราย ซึ่งแน่นอนว่าไม่เข้าเป้า และทาง Canonical ก็ประกาศคืนเงินให้กับผู้ร่วมระดมทุน “ทุกราย” และยังคงยืนยันที่จะออก Ubuntu Phone ในปี 2014 อย่างแน่นอน
ส่วนตัว Edge จะเป็นตัวต้นแบบสำหรับ Ubuntu Phone รุ่นอื่น และ Canonical ก็กำลังเจรจากับผู้ผลิตรายใหญ่ให้ผลิต Ubuntu Phone ให้ได้แน่นอน

HTC One X ระเบิดที่ไต้หวัน..

    ชาวไต้หวันรายหนึ่งได้รายงานว่า โทรศัพท์รุ่น HTC One X ได้มีการระเบิดเเละไฟลุกท่วมตัวเครื่อง โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว...


เว็ปไซต์แหล่งข่าว VR-ZONE ได้รายงานถึงเหตุการณ์ระเบิดจากไต้หวัน พร้อมเผยเเพร่ภาพตัวเครื่องโทรศัพท์ดังกล่าว ซึ่งเป็นภาพ HTC One X สีขาว มีรอยระเบิดจากด้านหลังเห็นได้อย่างชัดเจน.. 
 ผู้โชคร้ายจากไต้หวันรายนี้ รายงานว่า ขณะกำลังชาร์จแบตเตอรี่อยู่ได้ซักพัก ตัวเครื่องก็เกิดมีความร้อนสูง มีประกายไฟเกิดขึ้นบริเวณตรงกลางด้านหลังของเครื่อง เเละต่อมาก็ได้เกิดการระเบิดเกิดขึ้นอย่างรุนแรง โชคดีที่เขาไม่อยู่ใกล้บริเวณนั้น เเละ ไม่ได้ถือโทรศัพท์ไว้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้
และต่อมา.. เมื่อเขานำเครื่องไปให้ร้านค้าโทรศัพท์ใกล้บ้านที่ซื้อมา พร้อมอยากจะทำการเคลมเครื่องคืน แต่ผิดคาด! ทางร้านบอกกลับมาว่า ต้องมีค่าธรรมเนียมเป็นเงิน 21 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 600 บาทไทย จึงจะสามารถเปลี่ยนเครื่องให้ได้ (เครื่องระเบิด ไม่รับผิดชอบ ยังไม่พอจะเอาเงินอีก)
เหตุการณ์นี้ทางบริษัท HTC ในไต้หวัน ยังคงสืบหาสาเหตุที่ชัดเจนต่อไป..  
ชมภาพที่เหลือได้จากแหล่งข่าว >> VR-ZONE

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

packet tracer



                           การเชื่อม ต่อเครือข่ายขนาดเล็ก IP Sharing




 IP Sharing เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการแชร์อินเตอร์เน็ต นิยมใช้ในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ หรือบริษัทขนาดเล็ก โดยส่วนมาก IP Sharing จะต้องเชื่อมต่อกับโมเด็มเพื่อหมุนออกอินเตอร์เน็ตอีกที่หนึ่ง


การเชื่อมต่อเครือข่ายขนาดกลางด้วย ADSL Router




  ในการเชื่อมต่อแบบนี้ ส่วนมากโมเด็มที่ใช้จะเป็น DSL Router แบบ Fix IP กล่าวคือ หลังจากเลือกใช้บริการ ทางฝั่งผู้ให้บริการจะแบ่งหมายเลข IP Address (IP จริง) ให้มาส่วนหนึ่ง โดยเราสามารถนำ IP Address เหล่านี้มาตั้งเซิร์ฟเวอร์ได้ โดยหากคิดจะติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ลแะใช้งานผ่านสื่อ ADSL คุณคุณต้องทำงานหนักอีกด้าน คือ การติดตัง Firewall

การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายขนาดใหญ่โดยใช้เร้าเตอร์





  เป็นระบบที่มีความสลับซับซ้อน แต่ละบริษัทจะมีการออกแบบที่ไม่เหมือนกันโดยทั่วไประบบเครือข่ายขนาดใหญ่จะ มีการแบ่งกันอย่างชัดเจน ระหว่างห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Farm) และฝั่งลูกข่าย (Client)  ระบบขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะมีสาขาย่อยตามต่างจังหวัด เชื่อมต่อมายังหน่วยงานกลาง ผ่านทางRouter  



วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เทคโนโลและวิวัฒนาการของเว็บไซต์ Web 1.0, web 2.0, web 3.0, web 4.0

เทคโนโลและวิวัฒนาการของเว็บไซต์  Web 1.0, web 2.0, web 3.0, web 4.0 


WEB 1.0 คือ
ลองนึกย้อนไปตอน Internet เพิ่งเริ่มมีการพัฒนาอย่างจริงๆจังๆ
 (คงไม่รวมเอาแบบยุคเริ่มต้นเกินไปก็ได้นะ) เราจะเริ่มหรือเคยเห็น
มีเว็บไซต์หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของเว็บไซต์ก็จะเป็น
การนำเอาข้อมูลที่ตัวเอง ต้องการนำเสนอไปทำในรูปแบบของ html 
หรือข้อมูลต่างๆที่เราเห็นอยู่นั่นแหละไปใส่ไว้ในเว็บไซต์ หรืออินเตอร์เน็ต
ส่วนเราผู้ใช้ก็มีหน้าที่ คือกดเข้าไปอ่านส่วนเจ้าของก็คือมีหน้าที่คือ Update 
ข้อมูลเข้ามาทำกันไปกันมาแบบเดียวกันนี้แหละ 
ซึ่งโดยสรุปเราอาจจะเรียกวิธีการแบบนี้ว่าเป็นการสื่อสารแบบทางเดียว หรือเรียกว่า One Way Communication ก็ได้

WEB 2.0 คือ
จาก WEB 1.0 ต่อมาเว็บไต์ก็เริ่มมีการพัฒนา พวก WEB Board, Blog, มีการนำภาพมาแชร์ นำ วีดีโอ มา Post มีการแชร์ แบ่งปัน แลกเปลี่ยน พูดคุย ถกเถียงกัน นินทา ประจาน ใส่ร้ายก็มี ทั้งจากเจ้าของเว็บไซต์เอง หรือจากคนที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์กันเองเรียกว่า ผู้ใช้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ข้อมูล หรือ Content ในเว็บไซต์นั้นมีการ update และพัฒนา ปรับปรุง อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เว็บไซต์มีรูปแบบของการสื่อสารเป็นแบบสองทาง หรือ Two Way Communication ซึ่งพอมาถึงจุดนี้ทำให้ อินเตอร์เน็ตมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากกกก ลองดูข้อมูลที่ผมได้มา จากภาพก็พอจะเข้าใจว่าเกิดไรขึ้นบ้างในช่วงเวลาไม่กี่ปีของการพัฒนาจาก WEB 1.0 มาเป็น web 2.0


WEB 3.0 คือ

จาก WEB 2.0 ก็เริ่มขยับก้าวเข้ามาสู่ช่วงของ WEB 3.0 ...แล้วอะไรละที่เพิ่มเข้ามา ก็มีคนสรุปไว้ค่อนข้างเยอะ ผมเองก็อ้างอิงและผนวกกับประสบการณ์และมุมมองส่วนตัวเข้ามาว่า สื่งที่คนพัฒนาเว็บกำลังพยายามทำกันต่อก็คือ แก้ไขปัญหาของข้อมูลหรือ Content ที่ไม่มีคุณภาพต่างๆ ที่ WEB 2.0 ได้สร้างขึ้น ซึ่งมีการขยายขนาดและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วทำยังไงละผู้ใช้ถึงจะสามารถเข้าถึง Content หรือสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ง่ายและตรงความต้องการมากที่สุด สะดวกที่สุด ก็เลยมีการพูดถึง


The Future Internet: Service Web 3.0


 สรุป ง่ายๆ ก็คือ  เว็บ 3.0 นี้จะไปเน้นเรื่องการจัดการข้อมูลในเว็บมากขึ้น ดีขึ้น และทำให้ผู้เยี่ยมชมสามารถเขัาถึงเนื้องหาของเว็บได้ดีขึ้นนั้นเอง และ Web 3.0 ผมมองว่าจะเป็นการพัฒนา แก้ไขปัญหาในระบบเว็บ 2.0 มากกว่าการสร้างบนพื้นฐานความรู้ใหม่ 

WEB 4.0 คือ
 WEB 4.0 หรือบางทีเขาเรียกกันว่า “A Symbiotic web” คือเว็บที่ทำงานแบบ Artificial Intelligence (AI) ที่ฉลาดมากยิ่งขึ้น คอมพิวเตอร์สามารถคิดได้ มีความฉลาดมากขึ้น ในการอ่านทั้งเนื้อหา ข้อความ และรูปภาพ  หรืวีดีโอ สามารถที่จะตอบสนองหรืตัดสินใจได้ว่าจะ load ข้อมูลอะไร จากไหน ที่จะให้ประสิทธิภาพดีที่สุดมาให้ผู้ใช้งานก่อนก่อน  และนอกจากนี้ยังมีรูปแบบการนำมาแสดงที่รวดเร็ว เว็บ 4.0 จะทำให้เว็บ หรือข้อมูลต่างๆ สามารถทำงานได้แทบจะทุก Device หรืออาจจะช่วยระบุตัวตนที่แท้จริงของผู้ใช้เอง

อย่างเช่น พวก GPS การใช้งานต่างๆ ที่สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ต่อไปเว็บอาจจะไม่ได้มองที่ข้อมูลที่มีอยู่ แต่อาจจะมองไปในเชิงของ กิจกรรม ที่ผู้ใช้คนนั้นๆ กำลังทำ หรือกำลังหา WEB 4.0 อาจจะกลายเป็นเสมือนเลขาส่วนตัวที่สามารถติดตามเราไปได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งโดยส่วนตัวผมเองก็ไม่กล้าฟันธงว่า ระบบอย่างพวก 4-Square หรืออีกหลากหลายระบบโปรแกรมบนมือถือ ตอนนี้ได้ก้าวเข้ามาสู่ รุ่นของ WEB 4.0 กันหรือยัง เพราะอย่าง 4-Square นั้น ถ้าเราไป Check-in ที่ไหน ก็จะมีความสามารถในการบอกว่า เพื่อนเราใครเคยมาที่นี่ ละแวกนี้มีร้านอะไร
 
อ้างอิงถึงhttp://www.learners.in.th/blogs/posts/509610


จับตา ! สมาร์ทโฟนแบรนด์ 7-Eleven

ความเคลื่อนไหวของ 7-Eleven ครั้งนี้เกิดที่ประเทศไต้หวัน สาขาที่นั่นมีการเปิดบริการสั่งซื้อสมาร์ททีวีได้ที่เว็บไซต์ของ หรือที่ร้าน 7-Eleven กว่า 4,800 สาขาในไต้หวัน ซึ่งสามารถทำยอดขายได้แล้วถึง 10,000 เครื่อง โดยในการผลิตทาง 7-Eleven ได้รับความร่วมมือจาก Foxconn หนึ่งในโรงงานหลักที่ผลิต iPhone กับ iPad ให้กับ Apple นั่นเอง ดังนั้นทั้งสองจึงเตรียมร่วมมือกันอีกครั้งสำหรับการริเริ่มผลิตสมาร์ทโฟน รวมไปถึงแท็บเล็ตของตัวเองด้วย


ซึ่งหาก 7-Eleven และ Foxconn ทำสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตขึ้นมาจริงๆ ก็อาจจะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์ในราคาระดับกลางๆจนถึงราคาถูกมากกว่า และก็น่าคิดอีกว่า 7-Eleven ในประเทศไทยจะนำเข้ามาวางขายด้วยหรือไม่

อ้างอิงถึงhttp://www.arip.co.th/news.php?id=417143

PlayStation 4

             
                Sony ประกาศการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งเเล้วให้โลกเห็นเเล้ว สำหรับเครื่องเกมคอนโซลรุ่นใหม่ลูกรักอย่าง PlayStation 4 ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ในอมเริกาเหนือและตามมาด้วยยุโรป..

       



                 เครื่องเกม PlayStation 4 พร้อมที่ กล่าวว่า จะเปิดตัวใน *32 ประเทศ ในช่วงเทศกาลวันหยุดนี้ แม้จะยังไม่มีกำหนดวันที่แน่นอน  ซึ่งคาดน่าจะมียอดสั่งซื้อเข้ามาไม่ต่ำกว่าล้านเครื่อง โดยเขายังได้กล่าวถึงความพร้อมในครั้งนี้อีกด้วย ซึ่งสำหรับราคาตัวเครื่องอยู่ที่ 399 เหรียญ (ราวๆ 12,000 บาทไทย)

อย่างไรก็ตามเครื่องเล่นเกมคู่เเข่งอย่าง Xbox One ก็จัดการเปิดตัวในช่วงเวลาใกล้ๆกันอีกด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นแผนการตลาดแบบไหนที่จัดงานดึงลูกค้าพร้อมๆกันเลย แต่ที่น่าสนใจคือ Sony หั่นราคาเครื่องเล่นเกมพกพา PlayStation Vita (PSVITA) ลดลงเกือบครึ่ง!!



และเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย PSVITA โดยจะจำหน่ายกันที่ราคา 199เหรียญสหรัฐฯแม้จะยังไม่ชัดเจนว่า จะลดเฉพาะรุ่น Wi-Fi อย่างเดียวหรือไม่.. แต่เดิมมีราคาอยู่ที่ 249เหรียญสหรัฐฯ หรือในรุ่น 3G ด้วย (299เหรียญสหรัฐฯ) โดยการปรับลดราคา PS Vita ลงเหลือ 199เหรียญสหรัฐฯ จะเริ่มต้นในวันนี้ในตลาดสหรัฐฯและยุโรปแล้ว
 อ้างอิงถึงhttp://men.kapook.com/view57169.html


Network 10



คำศัพท์ Network


1. Computer Network หมายถึง  ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์  หรือ ระบบเครือข่าย (Network) ประกอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องที่มีความสามารถติดต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้   โดยติดต่อผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ เช่น สายโทรศัพท์ สายไฟฟ้า หรือผ่านทางสื่อแบบอื่นๆ ได้แก่ โมเด็มไมโครเวฟสัญญาณอินฟราเรด


2. Share Data หมายถึง การใช้ข้อมูลร่วมกัน  แต่ละคนจะสามรถเรียกใช้ข้อมูลซึ่งกันและกันได้ทันที แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดสิทธิในการเรียกใช้ข้อมูลของแต่ละ User ซึ่งจะสามารถกำหนดได้ว่า User คนใดจะสามารถใช้งานข้อมูลใดได้ถึงระดับใดบ้าง  งานข้อมูลของ User แต่ละคนจะถูกเก็บไว้ในที่เดียวกัน คือ Hard disk ของ File Server


3. Mufti-users หมายถึง User สามารถใช้โปรแกรมหรือข้อมูลเดียวกันได้ครั้งละหลายๆ คน


4. E-mail (Electronic Mail)  คือ  จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการส่งข้อความจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง ที่ใช้รับส่งกันโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์  ซึ่ง User แต่ละคนสามารถส่งและรับข้อมูลหรือข่าวสารซึ่งกันและกันได้ โดยผ่านทาง Workstation ของตนเอง


5. Schedule หรือ Group Calendar เป็นโปรแกรมที่รวบรวมปฏิทินรายวันของ User แต่ละคนมารวมกันเป็นราง (Schedule) ของทั้งระบบ ทำให้ผู้จัดการระบบสามารถทราบนัดหมายต่างๆของ User แต่ละคนได้ และวางแผนการทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น Word Perfect office 


6. Database เป็นกลุ่มของข้อมูล ที่มีการจัดการเพื่อทำให้ เข้าถึง จัดการและปรับปรุงได้ง่าย  แต่ละคนสามารถใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลเดียวกันได้พร้อมๆ กัน


7. Database Server  คือ เครื่องบริการข้อมูล ที่เปิดให้ผู้ใช้เพิ่มข้อมูล ลบ หรือแก้ไข สำหรับโปรแกรมบริการ
ระบบฐานข้อมูลที่นิยมใช้ ได้แก่ MYSQL หรือ Microsoft Access เป็นต้น โดยผู้ใช้ต้องเขียนโปรแกรมสั่งประมวลผล ปรับปรุงข้อมูล หรือนำข้อมูลในส่วนที่ตนเองมีสิทธิ์ ไปใช้ตามต้องการ


8. User  หมายถึง  ผู้ใช้งาน


9. Concurrent User License หมายถึง Software ที่ระบุจำนวน User ที่สามารถใช้งานได้สูงสุดบนระบบ Network เช่น แบบ    20 Copy นั้นหมายถึง User สามารถใช้งาน Software ตัวนี้ สามารถ    ใช้งานได้พร้อมกัน 20 คน


10. Per User License หมายถึง Software ที่จะต้องระบุจำนวน User ลงไปเลยว่าต้องการใช้เท่าใด แต่ในการทำงานจริงๆ แล้วจะใช้กี่คนพร้อมกันก็ได้

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

iOS 7


               ในวันนี้ Apple จัดการปล่อย iOS 7 Beta 6 สำหรับนักพัฒนาเป็นที่เรียบร้อยและน่าจะเป็นเวอร์ชั่นทดสอบรุ่นสุดท้าย ก่อนจะส่งเวอร์ชั่นเต็มที่พร้อมที่สุดในชื่อ "Gold Master" ให้กับบุคคลทั่วไปตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป
iOS 7 Gold Master (GM) เป็นชื่อเวอร์ชั่นที่บ่งบอกถึงความพร้อมที่สุดของระบบปฏิบัติการใหม่จาก Apple ที่จะส่งถึงผู้ใช้ iPhone กับ iPad ทั่วโลก ซึ่งเว็บไซต์ BGR ได้ให้ข้อมูลว่า Apple ได้กำหนดระยะเวลาในการปล่อย iOS 7 Gold Master เป็นที่เรียบร้อย โดยจะเริ่มต้นส่งให้กับพาร์ทเนอร์หรือพันธมิตรทางการค้าในวันที่ 5 กันยายนนี้ ต่อมาในวันที่ 10 กันยายนจะเป็นคิวของนักพัฒนาที่จะได้สัมผัสกับ iOS 7 Gold Master ควบคู่ไปกับ iPhone 5S กับ iPhone 5C ที่จะเปิดตัวในวันเดียวกันอีกด้วย และหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ก็จะเป็นโอกาสของบุคคลทั่วไปที่จะได้เริ่มอัพเดต iOS รุ่นเก่าไปเป็นรุ่นใหม่ ซึ่งถือว่าจะเข้าทำนองเดียวกับการเปิดตัว iOS 6 เมื่อปีที่ผ่านมาเช่นกัน
  


ส่วนความคาดหวังของ iOS 7 Gold Master จากนักพัฒนาหรือบุคคลทั่วไปจะได้รับการตอบสนองได้มากน้อยเพียงใด เดือนกันยายนนี้เราก็จะได้รู้แล้วว่าระบบปฏิบัติการที่ถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมดจะมีคำวิจารณ์เป็นไปในทิศทางใดบ้าง

อ้างอิงถึงhttp://men.kapook.com/view64251.html